นโยบายมัลแวร์ของเราไม่มีอะไรซับซ้อน นั่นก็คือระบบนิเวศของ Android ซึ่งรวมถึง Google Play Store และอุปกรณ์ของผู้ใช้จะต้องไม่มีพฤติกรรมที่เป็นอันตราย (เช่น มัลแวร์) เราพยายามที่จะมอบระบบนิเวศของ Android ที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้และอุปกรณ์ Android ของผู้ใช้ บนหลักการพื้นฐานนี้
มัลแวร์คือโค้ดที่อาจทำให้ผู้ใช้ ข้อมูลของผู้ใช้ หรืออุปกรณ์มีความเสี่ยง มัลแวร์รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแอปที่อาจเป็นอันตราย (PHA), ไบนารี หรือการแก้ไขเฟรมเวิร์ก ซึ่งประกอบไปด้วยหมวดหมู่ต่างๆ เช่น โทรจัน ฟิชชิง และแอปสปายแวร์ และเราทำการอัปเดตและเพิ่มหมวดหมู่ใหม่อยู่เรื่อยๆ
แม้ว่ามัลแวร์จะมีหลายประเภทและมีการทำงานที่ต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้วมักมีวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
- ทำให้เกิดช่องโหว่ในความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ของผู้ใช้
- เข้าควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้
- เปิดใช้การดำเนินการที่ควบคุมจากระยะไกลเพื่อให้ผู้โจมตีเข้าถึง ใช้ หรือ แสวงหาประโยชน์จากอุปกรณ์ที่ถูกโจมตี
- ส่งข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลเข้าสู่ระบบออกจากอุปกรณ์โดยไม่มีการเปิดเผยและไม่ได้รับคำยินยอมที่เพียงพอ
- เผยแพร่สแปมหรือคำสั่งจากอุปกรณ์ที่ถูกโจมตีเพื่อสร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์หรือเครือข่ายอื่นๆ
- หลอกลวงผู้ใช้
แอป ไบนารี หรือการแก้ไขเฟรมเวิร์กอาจเป็นอันตราย จึงอาจถูกนำไปใช้ในลักษณะที่ประสงค์ร้าย แม้ไม่ได้เจตนาสร้างขึ้นมาให้เป็นอันตราย ซึ่งเป็นเพราะแอป ไบนารี หรือการแก้ไขเฟรมเวิร์กอาจทำงาน แตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับตัวแปรต่างๆ ดังนั้น สิ่งที่เป็นอันตรายต่อ อุปกรณ์ Android เครื่องหนึ่งอาจไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่ออุปกรณ์ Android อีกเครื่องเลย ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ที่ใช้ Android เวอร์ชันล่าสุดไม่ได้รับผลกระทบจากแอปที่เป็นอันตรายซึ่งใช้ API ที่เลิกใช้งานไปแล้วเพื่อทำพฤติกรรมที่เป็นอันตราย แต่อุปกรณ์ที่ยังใช้ Android เวอร์ชันเก่ามากๆ อยู่อาจมีความเสี่ยง แอป ไบนารี หรือการแก้ไขเฟรมเวิร์กจะได้รับการแจ้งว่าเป็นมัลแวร์หรือแอปที่อาจเป็นอันตรายหากก่อให้เกิดความเสี่ยงต่ออุปกรณ์และผู้ใช้ Android บางส่วนหรือทั้งหมดอย่างชัดเจน
หมวดหมู่มัลแวร์ด้านล่างสะท้อนให้เห็นความเชื่อพื้นฐานของเราที่ว่าผู้ใช้ควรทราบว่ามีการใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ของตนอย่างไร ตลอดจนส่งเสริมระบบนิเวศที่ปลอดภัยซึ่งช่วยให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพและประสบการณ์ของผู้ใช้ที่เชื่อถือได้
หมวดหมู่ของมัลแวร์

แบ็กดอร์
โค้ดที่ทำให้มีการดำเนินการที่ไม่พึงประสงค์และอาจเป็นอันตรายที่ควบคุมจากระยะไกลได้ในอุปกรณ์
การดำเนินการเหล่านี้อาจรวมถึงพฤติกรรมที่อาจทำให้แอป ไบนารี หรือการแก้ไขเฟรมเวิร์กเข้าข่ายหมวดหมู่มัลแวร์อื่นๆ หากดำเนินการโดยอัตโนมัติ โดยทั่วไป "ประตูหลัง" เป็นคำที่ใช้อธิบายวิธีที่การดำเนินการที่อาจเป็นอันตรายอาจเกิดขึ้นในอุปกรณ์ จึงไม่สอดคล้องกับหมวดหมู่อย่างการฉ้อโกงผ่านการเรียกเก็บเงินหรือสปายแวร์เชิงพาณิชย์เสียทีเดียว ด้วยเหตุนี้ ในบางสถานการณ์ Google Play Protect จึงถือว่าชุดย่อย ของประตูหลังเป็น ช่องโหว่

การฉ้อโกงผ่านการเรียกเก็บเงิน
โค้ดที่ตั้งใจหลอกเรียกเก็บเงินผู้ใช้โดยอัตโนมัติ
การฉ้อโกงด้วยการเรียกเก็บเงินผ่านเครือข่ายมือถือแบ่งเป็นการฉ้อโกงผ่าน SMS, การฉ้อโกงผ่านการโทร และการฉ้อโกงผ่านค่าธรรมเนียม
การฉ้อโกงผ่าน SMS
โค้ดที่เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้เพื่อส่ง SMS แบบพรีเมียมโดยไม่ได้รับคำยินยอม หรือพยายาม ปิดบังกิจกรรม SMS ด้วยการซ่อนข้อตกลงการเปิดเผยข้อมูลหรือซ่อนข้อความ SMS จาก ผู้ให้บริการมือถือซึ่งแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเรื่องการเรียกเก็บเงินหรือการยืนยันการสมัครใช้บริการ
แม้ว่าในทางเทคนิคแล้วโค้ดบางโค้ดจะเปิดเผยพฤติกรรมการส่ง SMS แต่ก็อาจทำงานในลักษณะอื่นที่เอื้อต่อการฉ้อโกงผ่าน SMS ด้วย ตัวอย่างเช่น การซ่อนข้อตกลงการเปิดเผยข้อมูลไม่ให้ผู้ใช้เห็นบางส่วน การทำให้ข้อตกลงอ่านไม่ได้ และการใช้เงื่อนไขเพื่อบล็อกข้อความ SMS จากผู้ให้บริการมือถือซึ่งแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเรื่องการเรียกเก็บเงินหรือการยืนยันการสมัครใช้บริการ
การฉ้อโกงผ่านการโทร
โค้ดที่เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ด้วยการโทรหาหมายเลขพรีเมียมโดยไม่ได้รับคำยินยอมจากผู้ใช้
การฉ้อโกงผ่านค่าธรรมเนียม
โค้ดที่หลอกให้ผู้ใช้สมัครใช้บริการหรือซื้อเนื้อหาผ่านใบเรียกเก็บเงินค่าโทรศัพท์มือถือ
การฉ้อโกงผ่านค่าธรรมเนียมรวมถึงการเรียกเก็บเงินทุกประเภทยกเว้น SMS แบบพรีเมียมและการโทรหาหมายเลขพรีเมียม เช่น การเรียกเก็บเงินจากผู้ให้บริการโดยตรง จุดเข้าใช้งานเครือข่ายไร้สาย (WAP) และ การโอนสายในเครือข่ายมือถือ การฉ้อโกงผ่าน WAP เป็นการฉ้อโกงผ่านค่าธรรมเนียมที่แพร่หลายที่สุดประเภทหนึ่ง การฉ้อโกงประเภทนี้อาจเป็นการหลอกให้ผู้ใช้คลิกปุ่มบน WebView ที่โหลดแบบเงียบและมีลักษณะโปร่งใส เมื่อผู้ใช้คลิกปุ่ม ระบบจะเริ่มการสมัครใช้บริการแบบเกิดซ้ำ และ SMS หรืออีเมลยืนยันมักจะถูกลักลอบนำออกเพื่อไม่ให้ผู้ใช้สังเกตเห็นธุรกรรมทางการเงิน

สตอล์กเกอร์แวร์
โค้ดที่รวบรวมข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้จากอุปกรณ์และ ส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้บุคคลที่สาม (องค์กรหรือบุคคลธรรมดาคนอื่น) เพื่อ วัตถุประสงค์ในการเฝ้าติดตาม
แอปต้องให้การเปิดเผยข้อมูลอย่างชัดเจนเพียงพอและขอความยินยอมตามที่กำหนดไว้ใน นโยบาย ข้อมูลผู้ใช้
แอปเฝ้าติดตามที่เรายอมรับมีเพียงแอปที่ออกแบบและทำการตลาดการเฝ้าติดตามบุคคลอื่นโดยเฉพาะเท่านั้น เช่น สำหรับผู้ปกครองเพื่อใช้ติดตามบุตรหลานหรือสำหรับฝ่ายบริหารขององค์กรเพื่อใช้ติดตามพนักงานแต่ละคน โดยแอปดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดที่อธิบายไว้ในภายหลังของเอกสารนี้ คุณต้องไม่ใช้แอปเหล่านี้ในการ ติดตามบุคคลอื่น (เช่น คู่สมรส) แม้ว่าบุคคลดังกล่าวจะรับทราบและอนุญาต ไม่ว่าจะมีการแสดงการแจ้งเตือนอยู่เรื่อยๆ หรือไม่ก็ตาม แอปเหล่านี้ต้องใช้แฟล็กข้อมูลเมตา IsMonitoringTool ในไฟล์ Manifest เพื่อระบุว่าเป็นแอปเฝ้าติดตาม อย่างเหมาะสม
แอปเฝ้าติดตามต้องเป็นไปตามข้อกำหนดเหล่านี้
- แอปต้องไม่แสดงตัวว่าเป็นโซลูชันการสอดแนมหรือการเฝ้าระวัง
- แอปต้องไม่ซ่อนหรือปิดบังพฤติกรรมการติดตาม หรือพยายามทำให้ผู้ใช้เข้าใจฟังก์ชันการทำงานดังกล่าวผิดไป
- แอปต้องแสดงให้ผู้ใช้เห็นการแจ้งเตือนตลอดเวลาที่แอปทำงาน และแสดงให้เห็นไอคอนที่บ่งบอกแอปนั้นอย่างชัดเจน
- แอปต้องเปิดเผยฟังก์ชันการตรวจสอบหรือติดตามในคำอธิบายของ Google Play Store
- แอปและข้อมูลแอปใน Google Play ต้องไม่ให้วิธีการเปิดใช้งาน หรือวิธีการเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานที่ละเมิดข้อกำหนดเหล่านี้ เช่น การลิงก์ไปยัง APK ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่โฮสต์ไว้นอก Google Play
- แอปต้องเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง คุณต้องรับผิดชอบการพิจารณาความถูกต้องตามกฎหมายของแอปของคุณในประเทศเป้าหมายแต่เพียงผู้เดียว
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความในศูนย์ช่วยเหลือเกี่ยวกับการใช้ Flag isMonitoringTool

ปฏิเสธการให้บริการ (DoS)
โค้ดที่ทำการโจมตีโดยสร้างภาวะปฏิเสธการให้บริการ (DoS) โดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบ หรือเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีแบบ DoS ที่มุ่งเป้าไปยังระบบหรือทรัพยากรอื่นๆ
เช่น กรณีนี้อาจเกิดขึ้นโดยการส่งคำขอ HTTP จำนวนมากเพื่อสร้างภาระงานที่สูงเกินขีดความสามารถของเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล

เครื่องมือดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย
โค้ดที่อาจไม่ได้เป็นอันตรายเองแต่ดาวน์โหลดแอปที่อาจเป็นอันตรายอื่นๆ
วิธีสังเกตว่าโค้ดเป็นเครื่องมือดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย มีดังนี้
- มีเหตุผลที่ทำให้เชื่อว่าโค้ดดังกล่าวสร้างขึ้นมาเพื่อเผยแพร่แอปที่อาจเป็นอันตราย และเคยดาวน์โหลดแอปที่อาจเป็นอันตรายหรือมีโค้ดที่ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปได้ หรือ
- แอปอย่างน้อย 5% ที่โค้ดดาวน์โหลดมานั้นเป็นแอปที่อาจเป็นอันตราย โดยมีเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่ที่การดาวน์โหลดแอปที่สังเกตการณ์ 500 ครั้ง (การดาวน์โหลดแอปที่อาจเป็นอันตรายที่สังเกตการณ์ 25 ครั้ง)
เบราว์เซอร์หลักๆ และแอปแชร์ไฟล์จะไม่ถือเป็นเครื่องมือดาวน์โหลดที่เป็นอันตรายในกรณีต่อไปนี้
- เบราว์เซอร์หรือแอปจะดาวน์โหลดต่อเมื่อมีการโต้ตอบกับผู้ใช้
- ผู้ใช้เริ่มการดาวน์โหลดแอปที่อาจเป็นอันตรายทั้งหมดโดยการให้คำยินยอม

ภัยคุกคามซึ่งไม่ส่งผลต่อ Android
โค้ดที่มีภัยคุกคามซึ่งไม่ส่งผลต่อ Android
แอปเหล่านี้ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้หรืออุปกรณ์ Android แต่มี คอมโพเนนต์ที่อาจเป็นอันตรายต่อแพลตฟอร์มอื่น

ฟิชชิง
โค้ดที่แสร้งว่ามาจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ ซึ่งขอข้อมูลเข้าสู่ระบบการตรวจสอบสิทธิ์หรือข้อมูลสำหรับการเรียกเก็บเงินของผู้ใช้และส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้บุคคลที่สาม หมวดหมู่นี้รวมถึงโค้ดที่ดักฟังการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ระหว่างการส่ง
เป้าหมายทั่วไปของฟิชชิง ได้แก่ ข้อมูลเข้าสู่ระบบธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต และข้อมูลเข้าสู่ระบบบัญชีออนไลน์สำหรับโซเชียลเน็ตเวิร์กและเกม

การละเมิดด้วยการเพิ่มสิทธิ์ในระดับสูงขึ้น
โค้ดที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความสมบูรณ์ของระบบด้วยการทำให้แซนด์บ็อกซ์ของแอปทำงานไม่ได้ การเพิ่มสิทธิ์ในระดับสูงขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนหรือปิดการเข้าถึงฟังก์ชันหลักที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย
ตัวอย่างเช่น
- แอปที่ละเมิดโมเดลสิทธิ์ของ Android หรือขโมย ข้อมูลเข้าสู่ระบบ (เช่น โทเค็น OAuth) จากแอปอื่นๆ
- แอปที่ละเมิดการใช้ฟีเจอร์เพื่อป้องกันไม่ให้มีการถอนการติดตั้งหรือหยุดการทำงานของแอป
- แอปที่ปิดใช้ SELinux
แอปโจมตีเพื่อยกระดับสิทธิ์ที่รูทอุปกรณ์โดยไม่มีการให้สิทธิ์จากผู้ใช้จัดว่าเป็นแอปการรูท

แรนซัมแวร์
โค้ดที่เข้าควบคุมอุปกรณ์หรือข้อมูลในอุปกรณ์บางส่วนหรือในวงกว้างและสั่งให้ผู้ใช้ชำระเงินหรือดำเนินการที่ทำให้สูญเสียการควบคุม
แรนซัมแวร์บางรายการจะเข้ารหัสข้อมูลในอุปกรณ์และเรียกร้องให้ชำระเงินเพื่อถอดรหัส ข้อมูล และ/หรือใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ผู้ดูแลระบบของอุปกรณ์เพื่อทำให้ผู้ใช้นำแรมซัมแวร์ดังกล่าวออกไม่ได้ ตัวอย่างเช่น
- การล็อกไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงอุปกรณ์ของตัวเองและเรียกร้องให้จ่ายเงินเพื่อคืนค่าการควบคุมของผู้ใช้
- การเข้ารหัสข้อมูลในอุปกรณ์และเรียกร้องให้ชำระเงินเป็นค่าถอดรหัส ข้อมูล
- การใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ของตัวจัดการนโยบายด้านอุปกรณ์และการบล็อกไม่ให้ผู้ใช้นำแรนซัมแวร์ออก
โค้ดที่มาพร้อมกับอุปกรณ์โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจัดการอุปกรณ์ที่ได้รับงบอุดหนุนอาจไม่รวมอยู่ในหมวดหมู่แรนซัมแวร์หากมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดสำหรับการล็อกและการจัดการที่ปลอดภัย ตลอดจนข้อกำหนดด้านการเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ใช้และการขอคำยินยอมที่เพียงพอ

การรูท
โค้ดที่รูทอุปกรณ์
โค้ดการรูทที่ไม่เป็นอันตรายและเป็นอันตรายนั้นแตกต่างกัน เช่น แอปการรูทจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบล่วงหน้าว่าจะรูทอุปกรณ์ และจะไม่ดำเนินการอื่นใดที่อาจเป็นอันตรายตามหมวดหมู่แอปที่อาจเป็นอันตราย
แอปการรูทที่เป็นอันตรายจะไม่แจ้งผู้ใช้ว่าจะรูทอุปกรณ์ หรือแจ้งผู้ใช้เกี่ยวกับการรูทล่วงหน้าแต่ก็ดำเนินการอื่นๆ ตามหมวดหมู่แอปที่อาจเป็นอันตรายด้วย

สแปม
โค้ดที่ส่งข้อความไม่พึงประสงค์ถึงรายชื่อติดต่อของผู้ใช้หรือใช้อุปกรณ์เป็นการส่งต่ออีเมลสแปม

สปายแวร์
สปายแวร์คือแอปพลิเคชัน โค้ด หรือลักษณะการทำงานที่เป็นอันตราย ซึ่งเก็บรวบรวม ขโมย หรือแชร์ข้อมูลผู้ใช้หรือข้อมูลอุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันการทำงาน ที่เป็นไปตามนโยบาย
โค้ดหรือลักษณะการทำงานที่เป็นอันตรายซึ่งอาจจัดว่าเป็นการสอดแนมผู้ใช้ หรือขโมยข้อมูลโดยไม่มีการประกาศแจ้งหรือการขอความยินยอมที่เพียงพอยังถือว่าเป็นสปายแวร์ด้วย
ตัวอย่างเช่น การละเมิดด้วยสปายแวร์รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการดำเนินการต่อไปนี้
- การบันทึกเสียงหรือการบันทึกการโทรของโทรศัพท์
- การขโมยข้อมูลแอป
- แอปที่มีโค้ดที่เป็นอันตรายของบุคคลที่สาม (ตัวอย่างเช่น SDK) ซึ่งส่งผ่านข้อมูลจากอุปกรณ์ในลักษณะที่ผู้ใช้ไม่คาดคิดและ/หรือไม่มีการประกาศแจ้งหรือการขอความยินยอมจากผู้ใช้ที่เพียงพอ

โทรจัน
โค้ดที่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอันตราย เช่น เกมที่อ้างว่าเป็นเกมเฉยๆ แต่ดำเนินการในสิ่งที่ไม่พึงประสงค์กับผู้ใช้
การจำแนกประเภทโค้ดในกลุ่มนี้มักกระทำควบคู่ไปกับหมวดหมู่แอปที่อาจเป็นอันตรายอื่นๆ โทรจันมีคอมโพเนนต์ที่ไม่เป็นอันตรายและคอมโพเนนต์ที่เป็นอันตรายซ่อนอยู่ ตัวอย่างเช่น เกมที่ส่งข้อความ SMS แบบพรีเมียมจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ในเบื้องหลัง โดยที่ผู้ใช้ไม่ทราบ

หมายเหตุเกี่ยวกับแอปพิเศษ
แอปใหม่และแอปที่พบไม่บ่อยอาจแยกประเภทเป็นแอปพิเศษได้หาก Google Play Protect มีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะยืนยันว่าแอปปลอดภัย ซึ่งการแยกประเภทเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าแอปเป็นอันตราย แต่ก็ยืนยันไม่ได้เช่นกันว่าแอปนั้นปลอดภัยหากไม่มีการตรวจสอบเพิ่มเติม

Riskware
แอปพลิเคชันที่ใช้เทคนิคการหลีกเลี่ยงที่หลากหลายเพื่อให้บริการฟังก์ชันการทำงานปลอมหรือที่แตกต่างออกไปของแอปพลิเคชันให้แก่ผู้ใช้ แอปเหล่านี้มาสก์ตนเองเป็นแอปพลิเคชันหรือเกมที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้ดูไร้พิษภัยในสายตาของ App Store และผู้ใช้ และใช้เทคนิคอย่างเช่นการปรับให้ยากต่อการอ่าน (Obfuscation), การโหลดโค้ดแบบไดนามิก หรือการปิดบังหน้าเว็บจริงเพื่อเปิดเผยเนื้อหาที่อาจเป็นอันตราย
แอปที่มีความเสี่ยงคล้ายคลึงกันกับแอปที่อาจเป็นอันตรายหมวดหมู่อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรจัน โดยมีความแตกต่างหลัก อยู่ในเทคนิคที่ใช้ปรับกิจกรรมที่เป็นอันตรายให้ยากต่อการอ่าน (Obfuscate)
ซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ (MUwS)
Google กำหนดซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ (UwS) ว่าเป็นแอปที่ไม่ใช่ มัลแวร์โดยตรง แต่เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศของซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (MUwS) แอบอ้างเป็นแอปอื่นๆ หรือ รวบรวมข้อมูลอย่างน้อย 1 อย่างต่อไปนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้
- หมายเลขโทรศัพท์ของอุปกรณ์
- อีเมลหลัก
- ข้อมูลเกี่ยวกับแอปที่ติดตั้ง
- ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของบุคคลที่สาม
เราจะติดตาม MUwS แยกต่างหากจากมัลแวร์ คุณดูหมวดหมู่ MUwS ได้ที่นี่
คำเตือนของ Google Play Protect
เมื่อ Google Play Protect ตรวจพบการละเมิดนโยบายมัลแวร์ ระบบจะแสดงคำเตือนแก่ผู้ใช้ สตริงคำเตือนสำหรับการละเมิดแต่ละครั้งมีให้ดูที่นี่