3
Most read
4
Most read
5
Most read
รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน 1 (               ผลการเรีย นที่ค าด
            ฟิสิกส์)            ใบความรู้ หวัง ที่ 2
 รหัส วิช า ว 34101                 2       ใช้ป ระกอบแผน
 ชั้น ม.4                                   จัด การเรีย นรู้ท ี่ 2
              หัว ข้อ เรื่อ ง   การทดลองในวิชาฟิสิกส์

 การทดลองในวิช าฟิส ิก ส์
       สิ่งที่สำาคัญประการหนึ่งในการทดลองคือการบันทึกข้อมูลตาม
 ความเป็นจริง การบันทึกข้อมูลนั้นมีได้ 2 ลักษณะ คือ การบันทึก
 ข้อมูลเชิงคุณภาพ ( บอกถึงลักษณะ และคุณสมบัติต่างๆที่สังเกตได้
 จาการทดลอง ) และการบันทึกข้อมูลเชิงปริมาณ ( บอกถึง จำานวน
 มากน้อยในลักษณะเป็นตัวเลข )
       ในการที่นี้จะกล่าวถึงการบันทึกตัวเลขที่ได้จากเครื่องมือต่างๆ
 ในการทดลอง ดังนี้

 1. เลขนัย สำา คัญ
       คือ ตัวเลขที่ได้จากการวัดโดยใช้เครื่องมือที่เป็นสเกล โดย
 เลขทุกตัวที่บันทึกจะมีความหมายส่วนความสำาคัญของตัวเลขจะไม่
 เท่ากัน ดังนั้นเลขทุกตัวจึงมี นัยสำาคัญ ตามความเหมาะสม
       เช่น วัดความยาวของไม้ท่อนหนึ่งได้ยาว 121.54
 เซนติเมตร เลข 121.5 เป็นตัวเลขที่วัดได้จริง ส่วน 0.04 เป็น
 ตัวเลขที่ประมาณขึ้นมา เราเรียกตัวเลข 121.54 นี้ว่า เลขนัย
 สำาคัญ และมีจำานวนเลขนัยสำาคัญ 5 ตัว

   หลัก การพิจ ารณาจำา นวนเลขนัย สำา คัญ
       1. เลขทุกตัว ถือเป็นเลขที่มีนัยสำาคัญ
             ยกเว้น     1. เลข 0 ( ศูนย์ ) ที่ตอท้ายเลขจำานวนเต็ม
                                                ่
       เช่น 120 ( มีเลขนัยสำาคัญ 2 ตัว ) , 200 ( มีเลขนัยสำาคัญ
       1 ตัว )
                  2. เลข 0 ( ศูนย์ ) ทีหน้าตัวเลข เช่น 0.02 ( มี
                                        ่
       เลขนัยสำาคัญ 1 ตัว )
       2. เลข 0 ( ศูนย์ ) ทีอยู่ระหว่างตัวเลขถือเป็นเลขนัยสำาคัญ
                            ่
 เช่น 1.02 ( 3 ตัว ) , 10006 ( 5 ตัว )
       3. เลข 0 ( ศูนย์ ) ทีอยู่ท้ายแต่อยู่ในรูปเลขทศนิยม ถือว่าเป็น
                              ่
 เลขนัยสำาคัญ เช่น 1.200 ( 4 ตัว )
4. เลข 10 ทีอยู่ในรูปยกกำาลัง ไม่เป็นเลขนัยสำาคัญ เช่น
                ่
1.20 x10 ( 3 ตัว )
         5



   การบัน ทึก ตัว เลขจากการคำา นวณ
     1. การบวกลบเลขนัย สำา คัญ โดยบวกลบเลขนัยสำาคัญ
ก่อน เมื่อได้ผลลัพธ์ ให้มีจำานวน      ทศนิยมเท่ากับจำานวนที่
ทศนิยมน้อยที่สุด เช่น 12.03 + 152.246 + 2.7 = 166.976
ผลลัพ ธ์ คือ 167.0
     2. การคูณ หารเลขนัย สำา คัญ โดยคูณหารเลขนัยสำาคัญ
ก่อน แล้วพิจารณา ผลลัพธ์ให้มี จำานวนเลขนัยสำาคัญ เท่ากับ
ตัวเลขที่นัยสำาคัญน้อยที่สุดที่คูณหารกัน เช่น 54.62 x2.5 =
136.550 = 1.36x102 ผลลัพ ธ์ คือ 1.4 x 102

2. ความไม่แ น่น อนในการวัด
      ในการวัดปริมาณต่างๆ ด้วยเครื่องย่อมมี ความผิด พลาด (
error ) หรือ ความคลาดเคลื่อ น อยู่เสมอ เช่นวัดความหนาของ
ท่อนไม้ ได้ 2.5 เซนติเมตรกว่า ๆ แต่ไม่ถึง 2.6 เซนติเมตร ดังนั้น
จึงควรบันทึก 2.54 หรือ 2.55 หรือ 2.56 โดยตัวสุดท้าย ( 4 ,
5 , 6 ) เป็นการคาดคะเน การบันทึกเราควรบันทึกให้มีความคลาด
เคลื่อนน้อยที่สุด เราควรบันทึกดังนี้ 2.55 ± 0.01 โดย 2.55 คือ
ปริมาณที่วัดได้ ( A ) และ  0.01 คือ ค่าความคลาดเคลื่อน หรือ
ความไม่แน่นอนของการวัด (± ∆A )
      สรุปได้ว่า การบันทึกตัวเลขที่ได้จากการวัด ย่อมมีความผิด
พลาด จึงควรแสดงผลการวัดเป็น ( A ± ∆A )
  การบัน ทึก ผลการคำา นวณตัว เลขที่ม ีค วามไม่แ น่น อนใน
การวัด
      1. การบวก หรือ ลบกัน ความคลาดเคลื่อนของผลลัพธ์ต้อง
คิดจากปริมาณความคลาดเคลื่อนจริง มาบวกกันเสมอ เช่น
       1.1 ( A ± ∆A ) + ( B ± ∆B )         = ( A + B ) ± ( ∆A +
∆B )
       1.2 ( A ± ∆A ) - (2B ± 2 ∆B ) = ( A - 2B ) ±( ∆A
+ 2 ∆B )
2. การคูณ หรือ หารกัน หาเปอร์เซนต์ ( % ) ความคลาด
เคลื่อนของผลลัพธ์จากการคูณหรือหาร โดยนำาเปอร์เซนต์ ( % )
ของความคลาดเคลื่อนของแต่ละปริมาณมาบวกกัน เช่น
      หาเปอร์เซนต์ของความคลาดเคลื่อนพิจารณาดังนี้
        1. ( A ± ∆A ) หา เปอร์เซ็นต์ ( %) ของความคลาด
            ∆A
เคลื่อน =   A    x 100 %
       2. ( B ± ∆B )               หา เปอร์เซ็นต์ ( %) ของความคลาด
            ∆B
เคลื่อน =    B   x 100 %
       3. ( C ± ∆C )               หา เปอร์เซ็นต์ ( %) ของความคลาด
                  ∆C
     เคลื่อน =    C    x 100 %
                                                                       ∆A
     2.1 ( A ± ∆A ) • ( B ± ∆B ) = ( A • B ) ± (                       A         x 100
            ∆B
     %+      B   x 100 % )
                                                                            ∆A
     2.2 ( A ± ∆A )              / ( B ± ∆B ) = ( A / B ) ± (               A     x
                       ∆B
        100 % +         B        x 100 % )
                                                                                  ∆A
     2.3 ( A ± ∆A ) • ( B2 ± 2B∆B ) = ( A • B2 ) ± (                              A    x
                            ∆B
        100 % + 2            B    x 100 % )
                                                          1   ∆C
     2.4 ( A ± ∆A ) • ( B ± ∆B ) / (              C
                                                      ±   2   C        )= (A•B
                  ∆A                       ∆B                      1    ∆C
     / )±(
        C
                  A    x 100 % +            B   x 100 % +          2    C        x 100
     %)

ตัว อย่า ง เชือกสองเส้นยาว 16.32 ± 0.02 เซนติเมตร และ ยาว
20.68 ± 0.01 เซนติเมตร อยากทราบว่า ถ้านำามาวางต่อกันจะ
ยาวเท่าใด และ เชือกสองเส้นนี้มีความยาวต่างกันเท่าใด
วิธ ีท ำา          วางต่อกันจะยาว
              จาก ( A ± ∆A ) + ( B ± ∆B )       =   (A+B)
         ± ( ∆A + ∆B )
                    ( 16.32 ± 0.02 ) +( 20.68 ± 0.01 ) =
              ( 16.32 + 20.68 ) ± ( 0.02 + 0.01 )
=   37.00 ± 0.03
เซนติเมตร
          เชือกสองเส้นนี้มีความยาวต่างกัน
          จาก ( B ± ∆B ) - ( A ± ∆A )        =   (A-B)
     ± ( ∆A + ∆B )
                ( 20.68 ± 0.01 ) - ( 16.32 ± 0.02 ) =
          (20.68 - 16.32 ) ± ( 0.02 + 0.01 )
                                     = 4.36 ± 0.03
เซนติเมตร

ตัว อย่า ง แผ่นพลาสติกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีด้านกว้าง 36.20 ±
0.05 เซนติเมตร และมีด้านยาว 96.45± 0.05 เซนติเมตร แผ่น
พลาสติกนี้จะมีพื้นที่เป็นเท่าไร
วิธ ีท ำา          แผ่นพลาสติกนี้จะมีพื้นที่เป็น
                                                 ∆A
         ( A ± ∆A ) • ( B ± ∆B ) = ( A • B ) ± ( A x 100 % +
 ∆B
  B   x 100 % )
      ( 36.20 ± 0.05 ) • ( 96.45± 0.05 ) = ( 36.20 • 96.45
             0.05              0.05
      ) ±(   36.20x 100 % +    96.45x 100 % )
                            = 3491.49 ± ( 0.19 % )
             พื้นที่แผ่นพลาสติก = 3.49.49 ± 6.63 cm2




กราฟในวิช าฟิส ิก ส์
    กราฟที่มักพบในวิชาฟิสิกส์ส่วนใหญ่ได้แก่ กราฟเส้นตรง
และกราฟเส้นโค้ง ( กราฟพาราโบลา , กราฟไฮเปอร์โบลา )
    กราฟเส้น ตรง เป็นกราฟที่แสดงความสัมพันธ์เชิงเส้นของค่า
ในแกน X และ แกน Y คือ X และ Y มีกำาลังหนึ่งทั้งคู่ เช่น

                                  ( X2 ,
                                  Y2 )

      θ                  ( X1 ,
                         Y )
ความสัมพันธ์ของแกน X และ Y จะมีความหมายในการแปล
ข้อมูล โดยส่วนที่สำาคัญของกราฟอย่างหนึ่ง คือ ความชัน และพื้นที่
ใต้กราฟ
      จากสมการ กราฟเส้นตรง          y = mx + c
          เมื่อ            m คือ ความชัน ( m = tanθ , m
    y2- y
        1
=   x -x
     2 1
            )
                            c เป็นค่าคงตัว ตัดที่แกน y

ตัว อย่า ง วัตถุหนึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร่งคงที่ โดยมีความสัมพันธ์
ระว่างความเร็วและเวลา ดังนี้
v = 2t + 6 ความสัมพันธ์นี้ เมื่อนำาไปเขียนกราฟจะได้กราฟ
ลักษณะใด ขณะเริ่มสังเกตนัตถุนี้มีความเร็วหรือไม่ อย่างไร และ
ความเร่งของวัตถุนี้มีค่าเท่าไร
 วิธ ีท ำา   จากสมการความสัมพันธ์ v = 2t + 6 จะได้ว่า v
และ t จะยกกำาลังหนึ่ง จึงเป็นกราฟเส้นตรง
        และมีสมการ รูปเดียวกับกราฟเส้นตรง คือ y = mx + c จะ
ได้กราฟเส้นตรงลักษณะดังนี้
v
                        ขณะเริ่มสังเกต คือ เวลา 0 วินาที วัตถุมี
ความเร็ว = 6 เมตร/วินาที
                        ความเร่งคือการเปลี่ยนแปลงความเร็วใน
   (0,
หนึ่งหน่วยเวลา
   6)                 t พิจารณาจากกราฟเป็นกราฟเส้นตรงความ
ชันคงที่แสดงว่ามีการ
                 เปลี่ยนแปลงความเร็วอย่างสมำ่าเสมอ ดังนั้น
                 ความเร่ง = 2 เมตร/(วินาที)2
กราฟพาราโบลา เป็นกราฟที่แสดงความสัมพันธ์ของ
ปริมาณหนึ่งเป็นสัดส่วนโดยตรงกับอีกปริมาณหนึ่งยกกำาลังสอง
เช่น                                    y=
     สมการกราฟพาราโบลา y = mx2          mx2
     สมการในวิชาฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้อง
              1
     1. Ek = 2 mv2
                   1
     2. S = ut +   2   at2

      กราฟไฮเปอร์โ บลา เป็นกราฟที่แสดงความสัมพันธ์ในลัก
      ษระที่ปริมาณหนึ่งแปรผกผันกับ
อีกค่าหนึ่ง โดยปริมาณทั้งสองมีกำาลังหนึ่งทั้งคู่ เช่น
                                                        k
      สมการกราฟไฮเปอร์โบลา xy = k หรือ y = x
      สมการในวิชาฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้อง
      F = ma ถ้าพิจารณา ที่ F และ a โดย m คงที่ จะได้
      กราฟ เส้นตรง
      ถ้า พิจารณา m และ a โดย F คงที่ จะได้
                                                          1
                                                      a α m
      และได้กราฟในลักษระเป็นกราฟไฮเปอรโบลา

More Related Content

PDF
05แบบฝึกกำลัง
PDF
2.แบบฝึกหัดการเคลื่อนที่แนวตรง
PDF
แบบฝึกการหาอัตราเร็วความเร็ว
PDF
เคาะสัญญาณ
PDF
สมดุลเคมีในสิ่งแวดล้อม
PDF
คลื่น
PDF
01แบบฝึกแรงและงาน
05แบบฝึกกำลัง
2.แบบฝึกหัดการเคลื่อนที่แนวตรง
แบบฝึกการหาอัตราเร็วความเร็ว
เคาะสัญญาณ
สมดุลเคมีในสิ่งแวดล้อม
คลื่น
01แบบฝึกแรงและงาน

What's hot (20)

PDF
ใบความรู้ที่ 3 เรื่องสัญลักษณ์ทางไฟฟ้า
PDF
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
PDF
การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์
PDF
บทที่ 1 แรงและการเคลื่อนที่
PDF
การหางานจากพื้นที่ใต้กราฟ
PDF
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ๋ทางการเรียน หน่วย งานและพลังงาน
PDF
ใบงานที่ 2 ปฏิกิริยาเคมี
PPTX
04 การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
PDF
โครมาโทกราฟี
PDF
04แบบฝึกการประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
PDF
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
PDF
การคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมี
PDF
งานและพลังงาน (work and_energy)
PDF
บทที่7แรงเสียดทาน1 (2)
PDF
Slแบบฝึกหัดทบทวน เรื่อง อัตราเร็ว ความเร็ว ระยะทาง และการกระจัด
PPTX
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ
ใบความรู้ที่ 3 เรื่องสัญลักษณ์ทางไฟฟ้า
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์
บทที่ 1 แรงและการเคลื่อนที่
การหางานจากพื้นที่ใต้กราฟ
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ๋ทางการเรียน หน่วย งานและพลังงาน
ใบงานที่ 2 ปฏิกิริยาเคมี
04 การเคลื่อนที่แบบต่างๆ
โครมาโทกราฟี
04แบบฝึกการประยุกต์กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
Power point การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
การคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมี
งานและพลังงาน (work and_energy)
บทที่7แรงเสียดทาน1 (2)
Slแบบฝึกหัดทบทวน เรื่อง อัตราเร็ว ความเร็ว ระยะทาง และการกระจัด
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ
Ad

Similar to ใบความรู้ที่ 02 (20)

PPS
บทนำและเวกเตอร์
PDF
แผนที่
PDF
กราฟและการนำไปใช้
PDF
Conic section2555
PDF
การวัดทางวิทยาศาสตร์
PDF
84 สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่11_ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล1
PPT
เรื่อง การบวกทศนิยมไม่เกินสองตำแหน่ง
PDF
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
PDF
คำอธิบาย
PDF
โครงสร้าง
PDF
ฟังก์ชันตรีโกณมิติ
PDF
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
PDF
PDF
คณิตศาสตร์ ม.ต้น พค21001
PDF
PDF
ใบความรู้คู่อันดับและกราฟ
PDF
เอกสารประกอบ ตัวประกอบ
PDF
เฉลย กสพท. คณิตศาสตร์ 2559
PDF
กำหนดการสอนคณิตศาสตร์ ป.2
บทนำและเวกเตอร์
แผนที่
กราฟและการนำไปใช้
Conic section2555
การวัดทางวิทยาศาสตร์
84 สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่11_ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล1
เรื่อง การบวกทศนิยมไม่เกินสองตำแหน่ง
สรุปสูตรคณิตศาสตร์
คำอธิบาย
โครงสร้าง
ฟังก์ชันตรีโกณมิติ
เฉลย Ent48 คณิตศาสตร์1
คณิตศาสตร์ ม.ต้น พค21001
ใบความรู้คู่อันดับและกราฟ
เอกสารประกอบ ตัวประกอบ
เฉลย กสพท. คณิตศาสตร์ 2559
กำหนดการสอนคณิตศาสตร์ ป.2
Ad

More from witthawat silad (17)

DOC
ใบความรู้ที่ 03
DOC
ใบความรู้ที่ 03
DOC
ใบความรู้ที่ 01
DOC
ใบงาน แผน 01
DOC
ใบงาน แผน 10
DOC
ใบงาน แผน 09
DOC
ใบงาน แผน 08
DOC
ใบงาน แผน 07
DOC
ใบงาน แผน 06
DOC
ใบงาน แผน 05
DOC
ใบงาน แผน 04
DOC
ใบงาน แผน 03
DOC
ใบงาน แผน 02
DOC
ใบงาน แผน 01
DOC
ใบงาน แผน 11
DOC
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 02
DOC
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01
ใบความรู้ที่ 03
ใบความรู้ที่ 03
ใบความรู้ที่ 01
ใบงาน แผน 01
ใบงาน แผน 10
ใบงาน แผน 09
ใบงาน แผน 08
ใบงาน แผน 07
ใบงาน แผน 06
ใบงาน แผน 05
ใบงาน แผน 04
ใบงาน แผน 03
ใบงาน แผน 02
ใบงาน แผน 01
ใบงาน แผน 11
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 02
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 01

ใบความรู้ที่ 02

  • 1. รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน 1 ( ผลการเรีย นที่ค าด ฟิสิกส์) ใบความรู้ หวัง ที่ 2 รหัส วิช า ว 34101 2 ใช้ป ระกอบแผน ชั้น ม.4 จัด การเรีย นรู้ท ี่ 2 หัว ข้อ เรื่อ ง การทดลองในวิชาฟิสิกส์ การทดลองในวิช าฟิส ิก ส์ สิ่งที่สำาคัญประการหนึ่งในการทดลองคือการบันทึกข้อมูลตาม ความเป็นจริง การบันทึกข้อมูลนั้นมีได้ 2 ลักษณะ คือ การบันทึก ข้อมูลเชิงคุณภาพ ( บอกถึงลักษณะ และคุณสมบัติต่างๆที่สังเกตได้ จาการทดลอง ) และการบันทึกข้อมูลเชิงปริมาณ ( บอกถึง จำานวน มากน้อยในลักษณะเป็นตัวเลข ) ในการที่นี้จะกล่าวถึงการบันทึกตัวเลขที่ได้จากเครื่องมือต่างๆ ในการทดลอง ดังนี้ 1. เลขนัย สำา คัญ คือ ตัวเลขที่ได้จากการวัดโดยใช้เครื่องมือที่เป็นสเกล โดย เลขทุกตัวที่บันทึกจะมีความหมายส่วนความสำาคัญของตัวเลขจะไม่ เท่ากัน ดังนั้นเลขทุกตัวจึงมี นัยสำาคัญ ตามความเหมาะสม เช่น วัดความยาวของไม้ท่อนหนึ่งได้ยาว 121.54 เซนติเมตร เลข 121.5 เป็นตัวเลขที่วัดได้จริง ส่วน 0.04 เป็น ตัวเลขที่ประมาณขึ้นมา เราเรียกตัวเลข 121.54 นี้ว่า เลขนัย สำาคัญ และมีจำานวนเลขนัยสำาคัญ 5 ตัว หลัก การพิจ ารณาจำา นวนเลขนัย สำา คัญ 1. เลขทุกตัว ถือเป็นเลขที่มีนัยสำาคัญ ยกเว้น 1. เลข 0 ( ศูนย์ ) ที่ตอท้ายเลขจำานวนเต็ม ่ เช่น 120 ( มีเลขนัยสำาคัญ 2 ตัว ) , 200 ( มีเลขนัยสำาคัญ 1 ตัว ) 2. เลข 0 ( ศูนย์ ) ทีหน้าตัวเลข เช่น 0.02 ( มี ่ เลขนัยสำาคัญ 1 ตัว ) 2. เลข 0 ( ศูนย์ ) ทีอยู่ระหว่างตัวเลขถือเป็นเลขนัยสำาคัญ ่ เช่น 1.02 ( 3 ตัว ) , 10006 ( 5 ตัว ) 3. เลข 0 ( ศูนย์ ) ทีอยู่ท้ายแต่อยู่ในรูปเลขทศนิยม ถือว่าเป็น ่ เลขนัยสำาคัญ เช่น 1.200 ( 4 ตัว )
  • 2. 4. เลข 10 ทีอยู่ในรูปยกกำาลัง ไม่เป็นเลขนัยสำาคัญ เช่น ่ 1.20 x10 ( 3 ตัว ) 5 การบัน ทึก ตัว เลขจากการคำา นวณ 1. การบวกลบเลขนัย สำา คัญ โดยบวกลบเลขนัยสำาคัญ ก่อน เมื่อได้ผลลัพธ์ ให้มีจำานวน ทศนิยมเท่ากับจำานวนที่ ทศนิยมน้อยที่สุด เช่น 12.03 + 152.246 + 2.7 = 166.976 ผลลัพ ธ์ คือ 167.0 2. การคูณ หารเลขนัย สำา คัญ โดยคูณหารเลขนัยสำาคัญ ก่อน แล้วพิจารณา ผลลัพธ์ให้มี จำานวนเลขนัยสำาคัญ เท่ากับ ตัวเลขที่นัยสำาคัญน้อยที่สุดที่คูณหารกัน เช่น 54.62 x2.5 = 136.550 = 1.36x102 ผลลัพ ธ์ คือ 1.4 x 102 2. ความไม่แ น่น อนในการวัด ในการวัดปริมาณต่างๆ ด้วยเครื่องย่อมมี ความผิด พลาด ( error ) หรือ ความคลาดเคลื่อ น อยู่เสมอ เช่นวัดความหนาของ ท่อนไม้ ได้ 2.5 เซนติเมตรกว่า ๆ แต่ไม่ถึง 2.6 เซนติเมตร ดังนั้น จึงควรบันทึก 2.54 หรือ 2.55 หรือ 2.56 โดยตัวสุดท้าย ( 4 , 5 , 6 ) เป็นการคาดคะเน การบันทึกเราควรบันทึกให้มีความคลาด เคลื่อนน้อยที่สุด เราควรบันทึกดังนี้ 2.55 ± 0.01 โดย 2.55 คือ ปริมาณที่วัดได้ ( A ) และ  0.01 คือ ค่าความคลาดเคลื่อน หรือ ความไม่แน่นอนของการวัด (± ∆A ) สรุปได้ว่า การบันทึกตัวเลขที่ได้จากการวัด ย่อมมีความผิด พลาด จึงควรแสดงผลการวัดเป็น ( A ± ∆A ) การบัน ทึก ผลการคำา นวณตัว เลขที่ม ีค วามไม่แ น่น อนใน การวัด 1. การบวก หรือ ลบกัน ความคลาดเคลื่อนของผลลัพธ์ต้อง คิดจากปริมาณความคลาดเคลื่อนจริง มาบวกกันเสมอ เช่น 1.1 ( A ± ∆A ) + ( B ± ∆B ) = ( A + B ) ± ( ∆A + ∆B ) 1.2 ( A ± ∆A ) - (2B ± 2 ∆B ) = ( A - 2B ) ±( ∆A + 2 ∆B )
  • 3. 2. การคูณ หรือ หารกัน หาเปอร์เซนต์ ( % ) ความคลาด เคลื่อนของผลลัพธ์จากการคูณหรือหาร โดยนำาเปอร์เซนต์ ( % ) ของความคลาดเคลื่อนของแต่ละปริมาณมาบวกกัน เช่น หาเปอร์เซนต์ของความคลาดเคลื่อนพิจารณาดังนี้ 1. ( A ± ∆A ) หา เปอร์เซ็นต์ ( %) ของความคลาด ∆A เคลื่อน = A x 100 % 2. ( B ± ∆B ) หา เปอร์เซ็นต์ ( %) ของความคลาด ∆B เคลื่อน = B x 100 % 3. ( C ± ∆C ) หา เปอร์เซ็นต์ ( %) ของความคลาด ∆C เคลื่อน = C x 100 % ∆A 2.1 ( A ± ∆A ) • ( B ± ∆B ) = ( A • B ) ± ( A x 100 ∆B %+ B x 100 % ) ∆A 2.2 ( A ± ∆A ) / ( B ± ∆B ) = ( A / B ) ± ( A x ∆B 100 % + B x 100 % ) ∆A 2.3 ( A ± ∆A ) • ( B2 ± 2B∆B ) = ( A • B2 ) ± ( A x ∆B 100 % + 2 B x 100 % ) 1 ∆C 2.4 ( A ± ∆A ) • ( B ± ∆B ) / ( C ± 2 C )= (A•B ∆A ∆B 1 ∆C / )±( C A x 100 % + B x 100 % + 2 C x 100 %) ตัว อย่า ง เชือกสองเส้นยาว 16.32 ± 0.02 เซนติเมตร และ ยาว 20.68 ± 0.01 เซนติเมตร อยากทราบว่า ถ้านำามาวางต่อกันจะ ยาวเท่าใด และ เชือกสองเส้นนี้มีความยาวต่างกันเท่าใด วิธ ีท ำา วางต่อกันจะยาว จาก ( A ± ∆A ) + ( B ± ∆B ) = (A+B) ± ( ∆A + ∆B ) ( 16.32 ± 0.02 ) +( 20.68 ± 0.01 ) = ( 16.32 + 20.68 ) ± ( 0.02 + 0.01 )
  • 4. = 37.00 ± 0.03 เซนติเมตร เชือกสองเส้นนี้มีความยาวต่างกัน จาก ( B ± ∆B ) - ( A ± ∆A ) = (A-B) ± ( ∆A + ∆B ) ( 20.68 ± 0.01 ) - ( 16.32 ± 0.02 ) = (20.68 - 16.32 ) ± ( 0.02 + 0.01 ) = 4.36 ± 0.03 เซนติเมตร ตัว อย่า ง แผ่นพลาสติกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีด้านกว้าง 36.20 ± 0.05 เซนติเมตร และมีด้านยาว 96.45± 0.05 เซนติเมตร แผ่น พลาสติกนี้จะมีพื้นที่เป็นเท่าไร วิธ ีท ำา แผ่นพลาสติกนี้จะมีพื้นที่เป็น ∆A ( A ± ∆A ) • ( B ± ∆B ) = ( A • B ) ± ( A x 100 % + ∆B B x 100 % ) ( 36.20 ± 0.05 ) • ( 96.45± 0.05 ) = ( 36.20 • 96.45 0.05 0.05 ) ±( 36.20x 100 % + 96.45x 100 % ) = 3491.49 ± ( 0.19 % ) พื้นที่แผ่นพลาสติก = 3.49.49 ± 6.63 cm2 กราฟในวิช าฟิส ิก ส์ กราฟที่มักพบในวิชาฟิสิกส์ส่วนใหญ่ได้แก่ กราฟเส้นตรง และกราฟเส้นโค้ง ( กราฟพาราโบลา , กราฟไฮเปอร์โบลา ) กราฟเส้น ตรง เป็นกราฟที่แสดงความสัมพันธ์เชิงเส้นของค่า ในแกน X และ แกน Y คือ X และ Y มีกำาลังหนึ่งทั้งคู่ เช่น ( X2 , Y2 ) θ ( X1 , Y )
  • 5. ความสัมพันธ์ของแกน X และ Y จะมีความหมายในการแปล ข้อมูล โดยส่วนที่สำาคัญของกราฟอย่างหนึ่ง คือ ความชัน และพื้นที่ ใต้กราฟ จากสมการ กราฟเส้นตรง y = mx + c เมื่อ m คือ ความชัน ( m = tanθ , m y2- y 1 = x -x 2 1 ) c เป็นค่าคงตัว ตัดที่แกน y ตัว อย่า ง วัตถุหนึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร่งคงที่ โดยมีความสัมพันธ์ ระว่างความเร็วและเวลา ดังนี้ v = 2t + 6 ความสัมพันธ์นี้ เมื่อนำาไปเขียนกราฟจะได้กราฟ ลักษณะใด ขณะเริ่มสังเกตนัตถุนี้มีความเร็วหรือไม่ อย่างไร และ ความเร่งของวัตถุนี้มีค่าเท่าไร วิธ ีท ำา จากสมการความสัมพันธ์ v = 2t + 6 จะได้ว่า v และ t จะยกกำาลังหนึ่ง จึงเป็นกราฟเส้นตรง และมีสมการ รูปเดียวกับกราฟเส้นตรง คือ y = mx + c จะ ได้กราฟเส้นตรงลักษณะดังนี้ v ขณะเริ่มสังเกต คือ เวลา 0 วินาที วัตถุมี ความเร็ว = 6 เมตร/วินาที ความเร่งคือการเปลี่ยนแปลงความเร็วใน (0, หนึ่งหน่วยเวลา 6) t พิจารณาจากกราฟเป็นกราฟเส้นตรงความ ชันคงที่แสดงว่ามีการ เปลี่ยนแปลงความเร็วอย่างสมำ่าเสมอ ดังนั้น ความเร่ง = 2 เมตร/(วินาที)2
  • 6. กราฟพาราโบลา เป็นกราฟที่แสดงความสัมพันธ์ของ ปริมาณหนึ่งเป็นสัดส่วนโดยตรงกับอีกปริมาณหนึ่งยกกำาลังสอง เช่น y= สมการกราฟพาราโบลา y = mx2 mx2 สมการในวิชาฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้อง 1 1. Ek = 2 mv2 1 2. S = ut + 2 at2 กราฟไฮเปอร์โ บลา เป็นกราฟที่แสดงความสัมพันธ์ในลัก ษระที่ปริมาณหนึ่งแปรผกผันกับ อีกค่าหนึ่ง โดยปริมาณทั้งสองมีกำาลังหนึ่งทั้งคู่ เช่น k สมการกราฟไฮเปอร์โบลา xy = k หรือ y = x สมการในวิชาฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้อง F = ma ถ้าพิจารณา ที่ F และ a โดย m คงที่ จะได้ กราฟ เส้นตรง ถ้า พิจารณา m และ a โดย F คงที่ จะได้ 1 a α m และได้กราฟในลักษระเป็นกราฟไฮเปอรโบลา