2
Most read
3
Most read
4
Most read
ั
พระสงคิณี
กุสะลา ธัมมา, พระธรรมทังหลายทีเป็ นกุศล, ให ้ผลเป็ นความสุข
                            ้       ่
อะกุสะลา ธัมมา, ธรรมทังหลายทีเป็ นอกุศล, ให ้ผลเป็ นความทุกข์,
                          ้       ่
อัพ๎ยากะตา ธัมมา, ธรรมทังหลายทีเป็ นอัพยากฤต, เป็ นจิตกลาง ๆ อยู,
                              ้       ่                                     ่
กะตะเม ธัมมา กุสะลา, ธรรมเหล่าใดเป็ นกุศล
ยัส๎ะมิง สะมะเย, ในสมัยใด,
กามาวะจะรัง กุสะลัง จิตตัง อุปปั นนัง โหติโสมะนั สสะสะหะคะตัง ญาณะสมปะยุตตัง, ั
กามาวจรกุศลจิตทีรวมด ้วยโสมนั ส, คือความยินดี, ประกอบด ้วยญาน คือ ปั ญญาเกิดขึน ปรารภ
                  ่ ่                                                                ้
อารมณ์ใด ๆ,
รูปารัมมะนัง วา, จะเป็ นรูปารมณ์, คือยินดีในรูปเป็ นอารมณ์ก็ด,      ี
  ั                             ั                      ี
สททารัมมะนั ง วา, จะเป็ นสททารมณ์, คือยินดีในเสยงเป็ นอารมณ์ก็ด,          ี
คันธารัมมะนั ง วา, จะเป็ นคันธารมณ์, คือยินดีในกลินเป็ นอารมณ์ก็ด,
                                                     ่                  ี
ระสารัมมะนั ง วา, จะเป็ นรสารมณ์, คือยินดีในรสเป็ นอารมณ์ก็ด,         ี
                                                             ิ่ ่
โผฏฐัพพารัมมะนั ง วา, จะเป็ นโผฏฐัพพารมณ์, คือยินดีในสงทีกระทบถูกต ้องกายเป็ นอารมณ์ก็ด,   ี
ธัมมารัมมะนั ง วา ยัง ยัง วา ปะนารัพภะ, จะเป็ นธรรมารมณ์, คือยินดีในธรรมเป็ นอารมณ์ก็ด,  ี
ตัส๎ะมิง สะมะเย ผัสโส โหติ, อะวิกเขโป โหติ, เย วา ปะนะ ตัส๎ะมิง สะมะเย, อัญเญปิ
                                                                                ุ้ ่
อัตถิ ปะฏิจจะสะมุปปั นนา อะรูปิโน ธัมมา, ในสมัยนั นผัสสะและความไม่ฟงซานย่อมมี, อีก
                                                         ้
อย่างหนึง ในสมัยนั น ธรรมเหล่าใด, แม ้อืนมีอยูเป็ นธรรมทีไม่มรป, อาศัยกันและกันเกิดขึน,
          ่           ้                 ่     ่            ่    ี ู                    ้
อิเม ธัมมา กุสะลา, ธรรมเหล่านี้เป็ นกุศล, ให ้ผลเป็ นความสุข



พระวิภ ังค์
                              ่                                   ี ิ
ปั ญจักขันธา, ขันธ์ห ้าคือสวนประกอบหน ้าอย่างทีรวมเข ้าเป็ นชวต ได ้แก่,
                                                           ่
                          ื ่
รูปักขันโธ, รูปขันธ์คอสวนทีเป็ นรูปภายนอกและภายในคือร่างกายนี, ประกอบด ้วยธาตุ ๔,
                                ่                                     ้
                                        ื         ึ
เวทะนากขันโธ, เวทนาขันธ์คอความรู ้สกเสวยอารมณ์ ทีเป็ นสุข เป็ นทุกข์ หรือเฉย ๆ,
                                                             ่
   ั                    ั
สญญากขันโธ, สญญาขันธ์คอความจาได ้หมายรู ้ในอารมณ์ ๖,
                                    ื
     ั                ั                                        ั่
สงขารักขันโธ, สงขารขันธ์คอความคิดทีปรุงแต่งจิตให ้ดีหรือชวหรือเป็ นกลาง ๆ,
                                  ื                 ่
วิญญาณั กขันโธ, วิญญาณขันธ์คอความรู ้แจ ้งในอารมณ์ ทางอายตนะทัง ๖,
                                            ื                           ้
ตัตถะ กะตะโม รูปักขันโธ, บรรดาขันธ์ทงหมดรูปขันธ์เป็ นอย่างไร,
                                                      ั้
ยังกิญจิ รูปัง, รูปอย่างใดอย่างหนึง,            ่
อะตีตานาคะตะปั จจุปปั นนั ง, ทีเป็ นอดีต อนาคต และปั จจุบัน,
                                          ่
อัชฌัตตัง วา, ภายในก็ตาม,
พะหิทธา วา, ภายนอกก็ตาม,
โอฬาริกง วา สุขมัง วา, หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม
         ั        ุ
หีนัง วา ปะณีตัง วา, เลวก็ตาม ประณีตก็ตาม
               ั
ยัง ทูเร วา สนติเก วา, อยูไกลก็ตาม อยูใกล ้ก็ตาม,
                                      ่                  ่
                    ั                         ั
ตะเทกัชฌัง อะภิสญญูหต๎วา อะภิสงขิปิต๎วา, ย่นกล่าวร่วมกัน,
                            ิ
อะยัง วุจจะติ รูปักขันโธ, เรียกว่ารูปขันธ์
พระธาตุกถา
  ั               ั
สงคะโห อะสงคะโห, การสงเคราะห์ การไม่สงเคราะห์ คือ,
    ั                   ั               ิ่ ่
สงคะหิเตนะ อะสงคะหิตัง, สงทีไม่สงเคราะห์เข ้ากับสงทีสงเคราะห์แล ้ว,ิ่ ่
            ั             ั               ิ่ ่                  ิ่ ่
อะสงคะหิเตนะ สงคะหิตัง, สงทีสงเคราะห์เข ้ากับสงทีสงเคราะห์ไม่ได ้,
      ั             ั                ิ่ ่
สงคะหิเตนะ สงคะหิตง, สงทีสงเคราะห์เข ้ากับสงทีสงเคราะห์ได ้,
                              ั                              ิ่ ่
              ั             ั                  ิ่ ่                   ิ่ ่
อะสงคะหิเตนะ อะสงคะหิตัง, สงทีไม่สงเคราะห์เข ้ากับสงทีสงเคราะห์ไม่ได ้,
        ั
สมปะโยโค วิปปะโยโค, การอยูด ้วยกัน การพลัดพรากกัน คือ,
                                             ่
          ั
สมปะยุตเตนะ วิปปะยุตตัง, การพลัดพรากจากสงทีอยูด ้วยกัน     ิ่ ่ ่
                      ั
วิปปะยุตเตนะ สมปะยุตตัง, การอยูรวมกับสงทีพลัดพรากไป
                                                  ่ ่ ิ่ ่
                ั               ิ่ ่
อะสงคะหิตัง, จัดเป็ นสงทีสงเคราะห์ไม่ได ้



พระปุคคลปัญญ ัตติ
ฉะปั ญญัตติโย, บัญญัต ิ ๖ ประการ, อันบัณฑิตผู ้รู ้พึงบัญญัตขน คือ,                ิ ึ้
ขันธะปั ญญัตติ, การบัญญัตธรรมทีเป็ นหมวดหมูกันเรียกว่าขันธ์ มี ๕,
                                ิ               ่                  ่
อายะตะนะปั ญญัตติ, การบัญญัตธรรมอันเป็ นบ่อเกิด (แห่งทุกข์และไม่ทกข์), เรียกว่าอายตนะ มี
                                          ิ                                                        ุ
๑๒,
ธาตุปัญญัตติ, การบัญญัตธรรมทีทรงตัวอยูเรียกว่าธาตุ มี ๑๘,
                            ิ               ่                ่
  ั                                                                       ั
สจจะปั ญญัตติ, การบัญญัตธรรมทีเป็ นของจริงเรียกว่าสจจะ มี ๔, คือ อริยสจจ์ ๔,
                              ิ               ่                                                        ั
อินท๎ รยะปั ญญัตติ, การบัญญัตธรรมทีเป็ นใหญ่เรียกว่าอินทรีย ์ มี ๒๒,
       ิ                                ิ                ่
ปุคคะละปั ญญัตติ, การบัญญัตจาพวกบุคคลของบุคคลทังหลาย,
                                      ิ                                        ้
กิตตาวะตา ปุคคะลานั ง ปุคคะละปั ญญัตติ, บุคคลบัญญัตของบุคคลมีเท่าไร,             ิ
สะมะยะวิมตโต อะสะมะยะวิมตโต, ผู ้พ ้นในกาลบางคราว, ผู ้พ ้นอย่างเด็ดขาด,
            ุ                     ุ
กุปปะธัมโม อะกุปปะธัมโม, ผู ้มีธรรมทีกาเริบได ้, ผู ้มีธรรมทีกาเริบไม่ได ้,
                                                           ่                        ่
                                                                 ่ ื่
ปะริหานะธัมโม อะปะริหานะธัมโม, ผู ้มีธรรมทีเสอมได ้, ผู ้มีธรรมทีเสอมไม่ได ้,                 ่ ื่
เจตะนาภัพโพ อะนุรักขะนาภัพโพ, ผู ้มีธรรมทีควรแก่เจตนา, ผู ้มีธรรมทีควรแก่การรักษา,
                                                               ่                                     ่
ปุถชชะโน โคต๎ ระภู, ผู ้เป็ นปุถชน, ผู ้คร่อมโคตร,
    ุ                               ุ
                                                  ั่
ภะยูปะระโต อะภะยูปะระโต, ผู ้เว ้นชวเพราะกลัว, ผู ้เว ้นชวไม่ใชเพราะกลัว,   ั่          ่
ภัพพาคะมะโน อะภัพพาคะมะโน, ผู ้ควรแก่มรรคผลนิพพาน, ผู ้ไม่ควรแก่มรรคผลนิพพาน,
นิยะโต อะนิยะโต, ผู ้เทียง, ผู ้ไม่เทียง,
                         ่                             ่
ปะฏิปันนะโก ผะเลฏฐิโต, ผู ้ปฏิบัตอริยมรรค, ผู ้ตังอยูในอริยผล,
                                                     ิ                ้ ่
อะระหา อะระหัตตายะ ปะฏิปันโน, ผู ้เป็ นพระอรหันต์, ผู ้ปฏิบัตเพือเป็ นพระอรหันต์          ิ ่
พระกถาว ัตถุ
                          ั
ปุคคะโล อุปะลัพภะติ สจฉิกตถะปะระมัตเถนาติ, ค ้นหาบุคคลไม่ได ้โดยปรมัตถ์, คือ
                              ั
ความหมายอันแท ้จริงหรือ ?,
อามันตา, ถูกแล ้ว,
        ั                                                       ั
โย สจฉิกัตโถ ปะระมัตโถ, ตะโต โส ปุคคะโล อุปะลัพภะติ, สจฉิกัตถะปะระมัตเถนาติ,
ปรมัตถ์ คือความหมายอันแท ้จริงอันใดมีอยู, ค ้นหาบุคคลนั นไม่ได ้โดยปรมัตถ์, คือความหมายอัน
                                          ่             ้
แท ้จริงอันนั นหรือ ?
              ้
นะ เหวัง วัตตัพเพ, ท่านไม่ควรกล่าวอย่างนั น,   ้
                                                     ั
อาชานาหิ นิคคะหัง หัญจิ ปุคคะโล อุปะลัพภะติ, สจฉิกัตถะปะระมัตเถนะ เตนะ วะตะ เร
                   ั                                                      ั
วัตตัพเพ, โย สจฉิกัตโถ ปะระมัตโถ ตะโต โส ปุคคะโล อุปะลัพภะติ สจฉิกัตถะปะระมัตเถนา
ติ มิจฉา, ท่านจงรู ้นิคหะ (การข่ม ปราม) เถิด, ถ ้าท่านค ้นหาบุคคลไม่ได ้โดยปรมัตถ์, คือโดย
ความหมายอันแท ้จริงแล ้ว, ท่านก็ควรกล่าวด ้วยเหตุนันว่าปรมัตถ์, คือความหมายอันแท ้จริงอันใด
                                                   ้
มีอยู, เราค ้นหาบุคคลนั นไม่ได ้โดยปรมัตถ์, คือโดยความหมายอันแท ้จริงนัน, คาตอบของท่าน
      ่                 ้                                               ้
ทีวาปรมัตถ์ คือความหมายอันแท ้จริงอันใดมีอยู, เราค ้นหาบุคคลนั นไม่ได ้โดยปรมัตถ์, คือโดย
  ่ ่                                            ่                ้
ความหมายอันแท ้จริงอันนันจึงผิด,
                            ้



พระยมก
เย เกจิ กุสะลา ธัมมา, ธรรมบางเหล่าเป็ นกุศล,
  ั
สพเพ เต กุสะละมูลา, ธรรมเหล่านั นทังหมดมีกศลเป็ นมูล,
                                ้ ้         ุ
เย วา ปะนะ กุสะละมูลา, อีกอย่างหนึงธรรมเหล่าใด มีกศลเป็ นมูล,
                                   ่                ุ
    ั
สพเพ เต ธัมมา กุสะลา, ธรรมเหล่านั นทังหมดก็เป็ นกุศล,
                                  ้ ้
เย เกจิ กุสะลา ธัมมา, ธรรมบางเหล่าเป็ นกุศล,
      ั
สพเพ เต กะสุละมูเลนะ เอกะมูลา, ธรรมเหล่านั น ทังหมดมีมลอันเดียวกับธรรมทีมกศลเป็ นมูล
                                              ้   ้   ู                 ่ ี ุ
,
เย วา ปะนะ กุสะละมูเลนะ เอกะมูลา, อีกอย่างหนึงธรรมเหล่าใดมีมลอันเดียวกับธรรมทีมกศล
                                                ่             ู               ่ ี ุ
เป็ นมูล,
        ั
สพเพ เต ธัมมากุสะลา, ธรรมเหล่านันทังหมดเป็ นกุศล
                                 ้ ้
พระมหาปัฏฐาน
เหตุปัจจะโย, ธรรมทีมเหตุเป็ นปั จจัย,
                     ่ ี
อารัมมะณะปั จจะโย, ธรรมทีมอารมณ์เป็ นปั จจัย,
                                            ่ ี
อะธิปะติปัจจะโย, ธรรมทีมอธิบดีเป็ นปั จจัย,
                                ่ ี
อะนั นตะระปั จจะโย, ธรรมทีมปัจจัยไม่มอะไรคั่นในระหว่าง,
                                         ่ ี                     ี
สะมะนั นตะระปั จจะโย, ธรรมทีมปัจจัยมีทสดเสมอกัน,    ่ ี            ี่ ุ
สะหะชาตะปั จจะโย, ธรรมทีเกิดพร ้อมกับปั จจัย,
                                          ่
อัญญะมัญญะปั จจะโย, ธรรมทีเป็ นปั จจัยของกันและกัน,  ่
                                 ่ ี ิ ั
นิสสะยะปั จจะโย, ธรรมทีมนสยเป็ นปั จจัย,
อุปะนิสสะยะปั จจะโย, ธรรมทีมอปนิสยเป็ นปั จจัย,   ่ ี ุ        ั
ปุเรชาตะปั จจะโย, ธรรมทีมการเกิดก่อนเป็ นปั จจัย,
                                     ่ ี
ปั จฉาชาตะปั จจะโย, ธรรมทีมการเกิดภายหลังเป็ นปั จจัย,
                                               ่ ี
อาเสวะนะปั จจะโย, ธรรมทีมการเสพเป็ นปั จจัย,
                                        ่ ี
กัมมะปั จจะโย, ธรรมทีมกรรมเป็ นปั จจัย,
                         ่ ี
วิปากะปั จจะโย, ธรรมทีมวบากเป็ นปั จจัย,
                             ่ ี ิ
อาหาระปั จจะโย, ธรรมทีมอาหารเป็ นปั จจัย,
                               ่ ี
อินท๎ รยะปั จจะโย, ธรรมทีมอนทรียเป็ นปั จจัย,
       ิ                          ่ ี ิ                    ์
ฌานะปั จจะโย, ธรรมทีมฌานเป็ นปั จจัย,
                           ่ ี
มัคคะปั จจะโย, ธรรมทีมมรรคเป็ นปั จจัย,
                          ่ ี
   ั
สมปะยุตตะปั จจะโย, ธรรมทีมการประกอบเป็ นปั จจัย,่ ี
วิปปะยุตตะปั จจะโย, ธรรมทีไม่มการประกอบเป็ นปั จจัย,
                                             ่           ี
อัตถิปัจจะโย, ธรรมทีมปัจจัย,
                      ่ ี
นั ตถิปัจจะโย, ธรรมทีไม่มปัจจัย,
                       ่           ี
วิคะตะปั จจะโย, ธรรมทีมการอยูปราศจากเป็ นปั จจัย,
                            ่ ี                        ่
อะวิคะตะปั จจะโย, ธรรมทีมการอยูไม่ปราศจากเป็ นปั จจัย
                                      ่ ี                    ่

More Related Content

PDF
อนุพุทธประวัติ เจาะลึก
PDF
Ebooksint มนต์พิธี
PDF
พุทธานุพุทธประวัติ
PDF
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอก
DOCX
สรุปเนื้อหาวินัยมุข เล่ม ๑
DOCX
ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก ปี ๔๙-๖๖ (เรียงตาม พ.ศ.).docx
PDF
ธรรมบท ภาคที่ 1 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี).pdf
PDF
ปาฏิโมกข์แปล ของวัดพระธรรมกาย
อนุพุทธประวัติ เจาะลึก
Ebooksint มนต์พิธี
พุทธานุพุทธประวัติ
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอก
สรุปเนื้อหาวินัยมุข เล่ม ๑
ปัญหาและเฉลยวิชาพุทธานุพุทธประวัติ นักธรรมชั้นเอก ปี ๔๙-๖๖ (เรียงตาม พ.ศ.).docx
ธรรมบท ภาคที่ 1 แปลโดยพยัญชนะ ฉบับสองภาษา (ไทย-บาลี).pdf
ปาฏิโมกข์แปล ของวัดพระธรรมกาย

What's hot (20)

PDF
ปกิณณะวินัยที่ภิกษุควรรู้
PDF
คู่มือพระกรรมวาจาจารย์บรรพชาอุปสมบท
PDF
บทที่ 7 สมถกัมมัฏฐาน
PDF
พระพุทธศาสนา
PPTX
พระพุทธศาสนาวัชรยาน Vajrayana Buddhism
PPTX
ชีวิตและผลงานของพระพุทธโฆสาจารย์
ODT
บทสวดมนต์
PPTX
พระพุทธศาสนานิกายเซน
DOC
พัฒนาการความเป็นมาของพระไตรปิฎก
PDF
บทที่ ๒ กรรมฐาน และบุรพกิจของการปฏิบัติกรรมฐาน
PDF
คู่มือโฆษกเสียงทอง
PDF
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
PDF
อรูป 4 สมถกัมมัฏฐาน
PDF
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนา
PDF
ปัญหาและเฉลยบาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 ปี ๒๕๑๑-๒๕๖๑.pdf
PPT
พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์
DOC
แปลบาลีเป็นไทย แปลไทยเป็นบาลี
PDF
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
ปกิณณะวินัยที่ภิกษุควรรู้
คู่มือพระกรรมวาจาจารย์บรรพชาอุปสมบท
บทที่ 7 สมถกัมมัฏฐาน
พระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาวัชรยาน Vajrayana Buddhism
ชีวิตและผลงานของพระพุทธโฆสาจารย์
บทสวดมนต์
พระพุทธศาสนานิกายเซน
พัฒนาการความเป็นมาของพระไตรปิฎก
บทที่ ๒ กรรมฐาน และบุรพกิจของการปฏิบัติกรรมฐาน
คู่มือโฆษกเสียงทอง
บทสวดมนต์แปลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ 7 บทสำหรับแข่งทักษะ
อรูป 4 สมถกัมมัฏฐาน
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนา
ปัญหาและเฉลยบาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 ปี ๒๕๑๑-๒๕๖๑.pdf
พุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์
แปลบาลีเป็นไทย แปลไทยเป็นบาลี
ปริศนาธรรมในพุทธปรัชญา
Ad

Viewers also liked (8)

DOC
รายวิชา 000250 พระอภิธรรมปิฎก ชุดที่ 2 (แนวข้อสอบ)
DOC
แนวข้อสอบอภิธรรมปิฎก (เวิร์ด)
PPSX
พระไตรปิฎก
PDF
โครงสร้างและเนื้อหาสาระพระไตรปิฎก
DOC
ถาม ตอบอภิธรรมปิฎก
PPT
พระอภิธรรมปิฎก บทที่ ๑
DOC
แนวข้อสอบ 100 ข้อ
DOC
รายวิชา 000 150 พระอภิธรรมปิฎก แนวข้อสอบ
รายวิชา 000250 พระอภิธรรมปิฎก ชุดที่ 2 (แนวข้อสอบ)
แนวข้อสอบอภิธรรมปิฎก (เวิร์ด)
พระไตรปิฎก
โครงสร้างและเนื้อหาสาระพระไตรปิฎก
ถาม ตอบอภิธรรมปิฎก
พระอภิธรรมปิฎก บทที่ ๑
แนวข้อสอบ 100 ข้อ
รายวิชา 000 150 พระอภิธรรมปิฎก แนวข้อสอบ
Ad

Similar to พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ (20)

PDF
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
PDF
9 อินทรีย์สังวร ( ตามดู ไม่ตามไป )keepcool
DOCX
รวมหลักธรรมสำหรับท่องจำแบบย่อ ธศ ตรี
PDF
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
PDF
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
PDF
๐๐๖.๐๔. สุดยอด วัตร ๑๔ หน้าแรกมีตาราง มี ๓๔ หน้า
PDF
๐๒ อริยสัจสี่ พระอภิธรรม มจร.pdf
PDF
17-cit-mano-vinna.pdf
PDF
คำนำทำ1
PDF
Buddha
PDF
สุภีร์ ทุมทอง สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
PPT
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
PDF
6 คุณสมบัติโสดาบัน sotapana
PDF
สื่อการเรียนรู้เรื่องศาสนาพุทธ
PDF
ส อการเร_ยนร__เร__องศาสนาพ_ทธ
PDF
สื่อการเรียนรู้เรื่องศาสนาพุทธ
PDF
มุตโตทัย
PDF
หลักธรรมพุทธศาสนา
PDF
คำคมคารมธรรม
PDF
๐๘ เหมกปัญหา.pdf
ธรรมะเสวนา พระพุทธและพระธรรม
9 อินทรีย์สังวร ( ตามดู ไม่ตามไป )keepcool
รวมหลักธรรมสำหรับท่องจำแบบย่อ ธศ ตรี
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม
๐๐๖.๐๔. สุดยอด วัตร ๑๔ หน้าแรกมีตาราง มี ๓๔ หน้า
๐๒ อริยสัจสี่ พระอภิธรรม มจร.pdf
17-cit-mano-vinna.pdf
คำนำทำ1
Buddha
สุภีร์ ทุมทอง สติปัฏฐาน ๔ เสันทางตรงสู่พระนิพพาน
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
6 คุณสมบัติโสดาบัน sotapana
สื่อการเรียนรู้เรื่องศาสนาพุทธ
ส อการเร_ยนร__เร__องศาสนาพ_ทธ
สื่อการเรียนรู้เรื่องศาสนาพุทธ
มุตโตทัย
หลักธรรมพุทธศาสนา
คำคมคารมธรรม
๐๘ เหมกปัญหา.pdf

พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์

  • 1. ั พระสงคิณี กุสะลา ธัมมา, พระธรรมทังหลายทีเป็ นกุศล, ให ้ผลเป็ นความสุข ้ ่ อะกุสะลา ธัมมา, ธรรมทังหลายทีเป็ นอกุศล, ให ้ผลเป็ นความทุกข์, ้ ่ อัพ๎ยากะตา ธัมมา, ธรรมทังหลายทีเป็ นอัพยากฤต, เป็ นจิตกลาง ๆ อยู, ้ ่ ่ กะตะเม ธัมมา กุสะลา, ธรรมเหล่าใดเป็ นกุศล ยัส๎ะมิง สะมะเย, ในสมัยใด, กามาวะจะรัง กุสะลัง จิตตัง อุปปั นนัง โหติโสมะนั สสะสะหะคะตัง ญาณะสมปะยุตตัง, ั กามาวจรกุศลจิตทีรวมด ้วยโสมนั ส, คือความยินดี, ประกอบด ้วยญาน คือ ปั ญญาเกิดขึน ปรารภ ่ ่ ้ อารมณ์ใด ๆ, รูปารัมมะนัง วา, จะเป็ นรูปารมณ์, คือยินดีในรูปเป็ นอารมณ์ก็ด, ี ั ั ี สททารัมมะนั ง วา, จะเป็ นสททารมณ์, คือยินดีในเสยงเป็ นอารมณ์ก็ด, ี คันธารัมมะนั ง วา, จะเป็ นคันธารมณ์, คือยินดีในกลินเป็ นอารมณ์ก็ด, ่ ี ระสารัมมะนั ง วา, จะเป็ นรสารมณ์, คือยินดีในรสเป็ นอารมณ์ก็ด, ี ิ่ ่ โผฏฐัพพารัมมะนั ง วา, จะเป็ นโผฏฐัพพารมณ์, คือยินดีในสงทีกระทบถูกต ้องกายเป็ นอารมณ์ก็ด, ี ธัมมารัมมะนั ง วา ยัง ยัง วา ปะนารัพภะ, จะเป็ นธรรมารมณ์, คือยินดีในธรรมเป็ นอารมณ์ก็ด, ี ตัส๎ะมิง สะมะเย ผัสโส โหติ, อะวิกเขโป โหติ, เย วา ปะนะ ตัส๎ะมิง สะมะเย, อัญเญปิ ุ้ ่ อัตถิ ปะฏิจจะสะมุปปั นนา อะรูปิโน ธัมมา, ในสมัยนั นผัสสะและความไม่ฟงซานย่อมมี, อีก ้ อย่างหนึง ในสมัยนั น ธรรมเหล่าใด, แม ้อืนมีอยูเป็ นธรรมทีไม่มรป, อาศัยกันและกันเกิดขึน, ่ ้ ่ ่ ่ ี ู ้ อิเม ธัมมา กุสะลา, ธรรมเหล่านี้เป็ นกุศล, ให ้ผลเป็ นความสุข พระวิภ ังค์ ่ ี ิ ปั ญจักขันธา, ขันธ์ห ้าคือสวนประกอบหน ้าอย่างทีรวมเข ้าเป็ นชวต ได ้แก่, ่ ื ่ รูปักขันโธ, รูปขันธ์คอสวนทีเป็ นรูปภายนอกและภายในคือร่างกายนี, ประกอบด ้วยธาตุ ๔, ่ ้ ื ึ เวทะนากขันโธ, เวทนาขันธ์คอความรู ้สกเสวยอารมณ์ ทีเป็ นสุข เป็ นทุกข์ หรือเฉย ๆ, ่ ั ั สญญากขันโธ, สญญาขันธ์คอความจาได ้หมายรู ้ในอารมณ์ ๖, ื ั ั ั่ สงขารักขันโธ, สงขารขันธ์คอความคิดทีปรุงแต่งจิตให ้ดีหรือชวหรือเป็ นกลาง ๆ, ื ่ วิญญาณั กขันโธ, วิญญาณขันธ์คอความรู ้แจ ้งในอารมณ์ ทางอายตนะทัง ๖, ื ้ ตัตถะ กะตะโม รูปักขันโธ, บรรดาขันธ์ทงหมดรูปขันธ์เป็ นอย่างไร, ั้ ยังกิญจิ รูปัง, รูปอย่างใดอย่างหนึง, ่ อะตีตานาคะตะปั จจุปปั นนั ง, ทีเป็ นอดีต อนาคต และปั จจุบัน, ่ อัชฌัตตัง วา, ภายในก็ตาม, พะหิทธา วา, ภายนอกก็ตาม, โอฬาริกง วา สุขมัง วา, หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม ั ุ หีนัง วา ปะณีตัง วา, เลวก็ตาม ประณีตก็ตาม ั ยัง ทูเร วา สนติเก วา, อยูไกลก็ตาม อยูใกล ้ก็ตาม, ่ ่ ั ั ตะเทกัชฌัง อะภิสญญูหต๎วา อะภิสงขิปิต๎วา, ย่นกล่าวร่วมกัน, ิ อะยัง วุจจะติ รูปักขันโธ, เรียกว่ารูปขันธ์
  • 2. พระธาตุกถา ั ั สงคะโห อะสงคะโห, การสงเคราะห์ การไม่สงเคราะห์ คือ, ั ั ิ่ ่ สงคะหิเตนะ อะสงคะหิตัง, สงทีไม่สงเคราะห์เข ้ากับสงทีสงเคราะห์แล ้ว,ิ่ ่ ั ั ิ่ ่ ิ่ ่ อะสงคะหิเตนะ สงคะหิตัง, สงทีสงเคราะห์เข ้ากับสงทีสงเคราะห์ไม่ได ้, ั ั ิ่ ่ สงคะหิเตนะ สงคะหิตง, สงทีสงเคราะห์เข ้ากับสงทีสงเคราะห์ได ้, ั ิ่ ่ ั ั ิ่ ่ ิ่ ่ อะสงคะหิเตนะ อะสงคะหิตัง, สงทีไม่สงเคราะห์เข ้ากับสงทีสงเคราะห์ไม่ได ้, ั สมปะโยโค วิปปะโยโค, การอยูด ้วยกัน การพลัดพรากกัน คือ, ่ ั สมปะยุตเตนะ วิปปะยุตตัง, การพลัดพรากจากสงทีอยูด ้วยกัน ิ่ ่ ่ ั วิปปะยุตเตนะ สมปะยุตตัง, การอยูรวมกับสงทีพลัดพรากไป ่ ่ ิ่ ่ ั ิ่ ่ อะสงคะหิตัง, จัดเป็ นสงทีสงเคราะห์ไม่ได ้ พระปุคคลปัญญ ัตติ ฉะปั ญญัตติโย, บัญญัต ิ ๖ ประการ, อันบัณฑิตผู ้รู ้พึงบัญญัตขน คือ, ิ ึ้ ขันธะปั ญญัตติ, การบัญญัตธรรมทีเป็ นหมวดหมูกันเรียกว่าขันธ์ มี ๕, ิ ่ ่ อายะตะนะปั ญญัตติ, การบัญญัตธรรมอันเป็ นบ่อเกิด (แห่งทุกข์และไม่ทกข์), เรียกว่าอายตนะ มี ิ ุ ๑๒, ธาตุปัญญัตติ, การบัญญัตธรรมทีทรงตัวอยูเรียกว่าธาตุ มี ๑๘, ิ ่ ่ ั ั สจจะปั ญญัตติ, การบัญญัตธรรมทีเป็ นของจริงเรียกว่าสจจะ มี ๔, คือ อริยสจจ์ ๔, ิ ่ ั อินท๎ รยะปั ญญัตติ, การบัญญัตธรรมทีเป็ นใหญ่เรียกว่าอินทรีย ์ มี ๒๒, ิ ิ ่ ปุคคะละปั ญญัตติ, การบัญญัตจาพวกบุคคลของบุคคลทังหลาย, ิ ้ กิตตาวะตา ปุคคะลานั ง ปุคคะละปั ญญัตติ, บุคคลบัญญัตของบุคคลมีเท่าไร, ิ สะมะยะวิมตโต อะสะมะยะวิมตโต, ผู ้พ ้นในกาลบางคราว, ผู ้พ ้นอย่างเด็ดขาด, ุ ุ กุปปะธัมโม อะกุปปะธัมโม, ผู ้มีธรรมทีกาเริบได ้, ผู ้มีธรรมทีกาเริบไม่ได ้, ่ ่ ่ ื่ ปะริหานะธัมโม อะปะริหานะธัมโม, ผู ้มีธรรมทีเสอมได ้, ผู ้มีธรรมทีเสอมไม่ได ้, ่ ื่ เจตะนาภัพโพ อะนุรักขะนาภัพโพ, ผู ้มีธรรมทีควรแก่เจตนา, ผู ้มีธรรมทีควรแก่การรักษา, ่ ่ ปุถชชะโน โคต๎ ระภู, ผู ้เป็ นปุถชน, ผู ้คร่อมโคตร, ุ ุ ั่ ภะยูปะระโต อะภะยูปะระโต, ผู ้เว ้นชวเพราะกลัว, ผู ้เว ้นชวไม่ใชเพราะกลัว, ั่ ่ ภัพพาคะมะโน อะภัพพาคะมะโน, ผู ้ควรแก่มรรคผลนิพพาน, ผู ้ไม่ควรแก่มรรคผลนิพพาน, นิยะโต อะนิยะโต, ผู ้เทียง, ผู ้ไม่เทียง, ่ ่ ปะฏิปันนะโก ผะเลฏฐิโต, ผู ้ปฏิบัตอริยมรรค, ผู ้ตังอยูในอริยผล, ิ ้ ่ อะระหา อะระหัตตายะ ปะฏิปันโน, ผู ้เป็ นพระอรหันต์, ผู ้ปฏิบัตเพือเป็ นพระอรหันต์ ิ ่
  • 3. พระกถาว ัตถุ ั ปุคคะโล อุปะลัพภะติ สจฉิกตถะปะระมัตเถนาติ, ค ้นหาบุคคลไม่ได ้โดยปรมัตถ์, คือ ั ความหมายอันแท ้จริงหรือ ?, อามันตา, ถูกแล ้ว, ั ั โย สจฉิกัตโถ ปะระมัตโถ, ตะโต โส ปุคคะโล อุปะลัพภะติ, สจฉิกัตถะปะระมัตเถนาติ, ปรมัตถ์ คือความหมายอันแท ้จริงอันใดมีอยู, ค ้นหาบุคคลนั นไม่ได ้โดยปรมัตถ์, คือความหมายอัน ่ ้ แท ้จริงอันนั นหรือ ? ้ นะ เหวัง วัตตัพเพ, ท่านไม่ควรกล่าวอย่างนั น, ้ ั อาชานาหิ นิคคะหัง หัญจิ ปุคคะโล อุปะลัพภะติ, สจฉิกัตถะปะระมัตเถนะ เตนะ วะตะ เร ั ั วัตตัพเพ, โย สจฉิกัตโถ ปะระมัตโถ ตะโต โส ปุคคะโล อุปะลัพภะติ สจฉิกัตถะปะระมัตเถนา ติ มิจฉา, ท่านจงรู ้นิคหะ (การข่ม ปราม) เถิด, ถ ้าท่านค ้นหาบุคคลไม่ได ้โดยปรมัตถ์, คือโดย ความหมายอันแท ้จริงแล ้ว, ท่านก็ควรกล่าวด ้วยเหตุนันว่าปรมัตถ์, คือความหมายอันแท ้จริงอันใด ้ มีอยู, เราค ้นหาบุคคลนั นไม่ได ้โดยปรมัตถ์, คือโดยความหมายอันแท ้จริงนัน, คาตอบของท่าน ่ ้ ้ ทีวาปรมัตถ์ คือความหมายอันแท ้จริงอันใดมีอยู, เราค ้นหาบุคคลนั นไม่ได ้โดยปรมัตถ์, คือโดย ่ ่ ่ ้ ความหมายอันแท ้จริงอันนันจึงผิด, ้ พระยมก เย เกจิ กุสะลา ธัมมา, ธรรมบางเหล่าเป็ นกุศล, ั สพเพ เต กุสะละมูลา, ธรรมเหล่านั นทังหมดมีกศลเป็ นมูล, ้ ้ ุ เย วา ปะนะ กุสะละมูลา, อีกอย่างหนึงธรรมเหล่าใด มีกศลเป็ นมูล, ่ ุ ั สพเพ เต ธัมมา กุสะลา, ธรรมเหล่านั นทังหมดก็เป็ นกุศล, ้ ้ เย เกจิ กุสะลา ธัมมา, ธรรมบางเหล่าเป็ นกุศล, ั สพเพ เต กะสุละมูเลนะ เอกะมูลา, ธรรมเหล่านั น ทังหมดมีมลอันเดียวกับธรรมทีมกศลเป็ นมูล ้ ้ ู ่ ี ุ , เย วา ปะนะ กุสะละมูเลนะ เอกะมูลา, อีกอย่างหนึงธรรมเหล่าใดมีมลอันเดียวกับธรรมทีมกศล ่ ู ่ ี ุ เป็ นมูล, ั สพเพ เต ธัมมากุสะลา, ธรรมเหล่านันทังหมดเป็ นกุศล ้ ้
  • 4. พระมหาปัฏฐาน เหตุปัจจะโย, ธรรมทีมเหตุเป็ นปั จจัย, ่ ี อารัมมะณะปั จจะโย, ธรรมทีมอารมณ์เป็ นปั จจัย, ่ ี อะธิปะติปัจจะโย, ธรรมทีมอธิบดีเป็ นปั จจัย, ่ ี อะนั นตะระปั จจะโย, ธรรมทีมปัจจัยไม่มอะไรคั่นในระหว่าง, ่ ี ี สะมะนั นตะระปั จจะโย, ธรรมทีมปัจจัยมีทสดเสมอกัน, ่ ี ี่ ุ สะหะชาตะปั จจะโย, ธรรมทีเกิดพร ้อมกับปั จจัย, ่ อัญญะมัญญะปั จจะโย, ธรรมทีเป็ นปั จจัยของกันและกัน, ่ ่ ี ิ ั นิสสะยะปั จจะโย, ธรรมทีมนสยเป็ นปั จจัย, อุปะนิสสะยะปั จจะโย, ธรรมทีมอปนิสยเป็ นปั จจัย, ่ ี ุ ั ปุเรชาตะปั จจะโย, ธรรมทีมการเกิดก่อนเป็ นปั จจัย, ่ ี ปั จฉาชาตะปั จจะโย, ธรรมทีมการเกิดภายหลังเป็ นปั จจัย, ่ ี อาเสวะนะปั จจะโย, ธรรมทีมการเสพเป็ นปั จจัย, ่ ี กัมมะปั จจะโย, ธรรมทีมกรรมเป็ นปั จจัย, ่ ี วิปากะปั จจะโย, ธรรมทีมวบากเป็ นปั จจัย, ่ ี ิ อาหาระปั จจะโย, ธรรมทีมอาหารเป็ นปั จจัย, ่ ี อินท๎ รยะปั จจะโย, ธรรมทีมอนทรียเป็ นปั จจัย, ิ ่ ี ิ ์ ฌานะปั จจะโย, ธรรมทีมฌานเป็ นปั จจัย, ่ ี มัคคะปั จจะโย, ธรรมทีมมรรคเป็ นปั จจัย, ่ ี ั สมปะยุตตะปั จจะโย, ธรรมทีมการประกอบเป็ นปั จจัย,่ ี วิปปะยุตตะปั จจะโย, ธรรมทีไม่มการประกอบเป็ นปั จจัย, ่ ี อัตถิปัจจะโย, ธรรมทีมปัจจัย, ่ ี นั ตถิปัจจะโย, ธรรมทีไม่มปัจจัย, ่ ี วิคะตะปั จจะโย, ธรรมทีมการอยูปราศจากเป็ นปั จจัย, ่ ี ่ อะวิคะตะปั จจะโย, ธรรมทีมการอยูไม่ปราศจากเป็ นปั จจัย ่ ี ่